การศึกษาผลของอัตราส่วนของอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ที่มีต่อประสิทธิภาพ การป้องกันรังสียูวีของผ้าฝ้ายที่ผ่านการเคลือบด้วยวิธี Pad-dry-cure
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราส่วนของอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ (TiO2) ที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตของผ้าฝ้าย โดยได้นําอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์มาเคลือบลงบนผ้าฝ้ายด้วยวิธี Pad-Dry-Cure ในอัตราส่วนระหว่างอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ต่อน้ํา DI คือ 3%, 6% และ 9% (W/V) จากนั้นนําไปวิเคราะห์ลักษณะรูปร่าง และปริมาณของไทเทเนียมไดออกไซด์ที่เคลือบบนผ้าฝ้าย พบว่าผ้าฝ้ายที่เคลือบอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ที่อัตราส่วนต่างๆ จะมีอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ยึดเกาะอยู่บนพื้นผิวของผ้าฝ้าย โดยปริมาณที่ยึดเกาะอยู่บนพื้นผิวของผ้าฝ้ายจะเพิ่มขึ้นเมื่อเพิ่มอัตราส่วนอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ เมื่อตรวจสอบปริมาณอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ที่ยึดเกาะอยู่บนพื้นผิวของผ้าฝ้ายด้วยเครื่องวิเคราะห์ธาตุ (EDX) พบว่าผ้าฝ้ายที่เคลือบในอัตราส่วน 9% (W/V) จะมีปริมาณอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ยึดเกาะมากที่สุดอยู่ที่ 69.18 Wt% จากนั้นนําไปวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีรังสีอัลตราไวโอเลต พบว่าเมื่อเพิ่มอัตราส่วนของอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ ประสิทธิภาพการป้องกันรังสีรังสีอัลตราไวโอเลตของผ้าฝ้ายก็จะเพิ่มขึ้น โดยผ้าฝ้ายที่เคลือบในอัตราส่วน 9% (W/V) มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีได้ดีที่สุด โดยมีค่าอยู่ที่ 74.18% รองลงมาจะเป็นอัตราส่วน 6% (W/V) และป้องกันรังสีได้น้อยที่สุดคืออัตราส่วน 3% (W/V)